วันนี้เราพามาที่จังหวัด อุดรธานี มาเที่ยว คำชะโนด ขอพรกันครับ Kam Cha Nod
พอเราขับรถผ่าน เรารู้สึกได้เลยว่าแบบ ออกแนวน่ากลัวดูแล้วเหมือนมีเกาะอยู่กลางน้ำเลย ใกล้จะถึงแล้วจะได้เห็นว่ามีอะไรเป็นยังไงบ้างไปดูกัน
คำชะโนด หรือ วังนาคินทร์ Kam Cha Nod อุดรธานี บ้านเลขที่ 64 หมู่ 11 ตำบล บ้านม่วง อำเภอ บ้านดุง อุดรธานี 41190
พอเราขับรถใกล้เข้ามาก็เห็นได้ว่ามีต้นไม้สูงรายล้อม ดูแล้วข้างในน่าจะแบบสวยมาก ก็แปลกไปอีกแบบนึงเลยแหละครับ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เราจะได้มาวัดคำชะโนด ซึ่งก็ได้ยินมานานมากแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่าหรือความเชื่อต่างๆที่ขึ้นชื่อหรือเล่าต่อกันมา วันนี้เรามีโอกาสก็จะได้เข้าไปดู ตามกันมาเลยครับ
พอถึงหน้าวัดคำชะโนดแล้ว เราก็เข้าไปข้างในวัดแล้วก็จะมีร้านค้าหรืองานต่างๆ อีกอย่างนึงก็คือวันนี้เป็นวันหยุดคนเยอะมากๆครับ ส่วนมากคนจะเยอะประมาณใกล้วันหวยออกหรือก็เทศกาลวันหยุด ก็จะมีคนมา
จากทุกสารทิศเยอะมากๆครับ ซึ่งวันนี้ก็เป็นอีกวันที่มีคนเยอะมากที่จอดรถก็มีเยอะเหมือนกันครับ ด้านในเนี่ยจะจอดกันเต็มแล้ว เราต้องเข้าไปจอดด้านนอก แต่มีที่จอดแน่นอนครับผม
เราจอดรถเสร็จแล้วเราเข้ามาที่ในวัด ถามว่าคนเยอะมั้ยก็เท่าที่เราเห็นนี่แหละครับ และเยอะมากๆเพราะทุกคนก็ต่างมาขอพรหรือสายหวยทั้งหลาย มีโอกาสต้องมาให้ได้นะครับ
มาถึงเราก็จะไม่สามารถเข้าวัดเข้าไปข้างในได้ เพราะคนเยอะ ชเราต้องต่อแถวยาวไปด้านหลัง ซึ่งจะนานพอสมควรครับ เราต้องหาวันที่ไม่ใช่วันหยุดหรือไม่ใช่วันที่ใกล้หวยออกครับ เราถึงจะได้เข้าไปเลยซึ่งพอดีผมมาเป็นวันหยุด พอเข้ามาแน่นเลยครับ พอเข้ามาถึงแล้วเนี่ย ต่อแถวใกล้ถึงทางเข้าแล้ว เราก็ต้องต่อแถวเข้าไปเรื่อยเรื่อยแล้วคนก็เยอะเหลือเกิน แต่พอเข้ามาถึงด้านไหนก็รู้สึกถึงความเย็นแล้วก็ชื้น น่ากลัวมากๆแล้วก็กว่าจะเดินเข้าถึงระหว่างทางเนี้ย มีเส้นแบ่งเขตระหว่างฝั่งทางบกกับทางน้ำ เขาบอกว่าเรื่องเล่าก็คือน่าจะเป็นเขตทางระหว่างเมืองมนุษย์กับเมืองพญานาคประมาณนี้ครับ
อีกนิดใกล้ถึงแล้ว เราใกล้จะได้เห็นด้านไหนแล้วแต่รู้สึกได้ว่าแบบต้นไม้ใหญ่มากๆแล้วก็สูงมากๆเหมือนทุกต้นน่าจะต้องการแสงแดดเลยแบบทำให้สูงมากๆประมาณนั้นครับ
ซึ่งพอเราเดินเข้ามาข้างในก็จะเจอกับศาลซึ่งนั่นก็จะพบกับ ศาลพ่อปู่ศรีสุทโธ ซึ่งทุกคนมาจากสารทิศก็จะมาขอพรกันที่นี่
ทุกคนก็ต่างมาขอพรมีทั้งขอพรแก้บนหรือรำแก้บนต่างๆเข้ามากันไม่ขาดสายกันเลยทีเดียว
มาเราเตรียมไปไหว้กันแล้วก็ขอพรกัน ซึ่งตอนไหว้ก็จะมีคนพานำสวดมนต์ แล้วก็พาขอพรวิธีทำวิธีขอพรว่าทำกันยังไงบนบานศาลกล่าวยังไงก็จะมีคนพานำอยู่ด้านในเลยครับ
พอเราขอพรเสร็จก็ได้เวลาเดินดูว่าเป็นยังไงบ้างพอเดินมาสักพักก็จะเจอกับบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์หรือบ่อคำชะโนดที่ตั้งอยู่กลางเกาะมีความเชื่อกันว่าเป็นประตูเชื่อมต่อสู่เมืองบาดาลเป็นที่อยู่ของพระยาศรีสุทโธนาคราชครับผม
เดินมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าบรรยากาศเยือกเย็นมากแล้วก็ชุมชื่นครับ และที่นี่ไม่อนุญาตให้นำแป้งทาขอหวยนะครับผม
ก็จะได้เห็นได้ว่ามีผู้คนนำน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปทำพิธีต่างๆเพื่อเป็นสิริมงคล
ต่อมาก็จะเป็นเรื่องเล่าของตำนาน ตำนานหนึ่ง ซึ่งก็เป็นตำนานของ ผีจ้างหนัง ครับ
ตำนานผีจ้างหนังเมื่อปี 2532 เมื่อ 33 ปีก่อนซึ่งผมก็ยังไม่เกิดตอนนั้น เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2532 ในวันนั้นเองมีคนว่าจ้างบริษัทแห่งหนึ่ง ที่หมู่บ้านวังทอง อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี โดยได้ตกลงว่าจ้างกันที่ 4000 บาท เป็นหนัง 4 เรื่อง แต่มีสัญญาพิเศษคือให้ฉายถึงตี 4 เท่านั้น แล้วก็ให้เก็บข้าวของออกก่อนฟ้าสางทันที ซึ่งก็สร้างความมึนงงต่อคนฉายหนังไม่น้อย แต่ก็เห็นว่าเป็นความประสงค์ของผู้ว่าจ้างเลยไม่ได้เอะใจอะไร เมื่อตกลงกันที่เรียบร้อยแล้วก็ได้มัดจำไว้ที่ 500 บาท และจ่ายส่วนที่เหลือหลังฉายหนังเสร็จ เมื่อถึงวันนัดหมายเจ้าของก็ได้ส่งคนไปฉายหนังตามที่กำหนด ซึ่งกว่าจะเดินทางไปถึงก็เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว แต่ก็ตกใจว่าทำไมพื้นที่แห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลยแถมเป็นป่าทึบด้วย และที่ตั้งจอหนังแทบจะไม่มีเลย คนฉายหนังก็เลยงงว่าคนในหมู่บ้านไปไหนกันหมด ซึ่งปกติแล้วเวลาไปฉายที่ไหนจะต้องมีคนเยอะ แล้วก็มีร้านค้าขายของ แถมบรรยากาศรอบรอบเนี่ยเยือกเย็นไปหมดจนกระทั่งถึงเวลาเริ่มฉายหนังตอน 3 ทุ่ม จู่ๆก็เริ่มมีคนมาดูหนังจำนวนมาก พอฉายหนังไปซักพักพนักงานก็เริ่มรู้สึกถึงความแปลกๆบางอย่างคือมีผู้หญิงใส่ชุดสีขาวเหมือนกันหมดและผู้ชายใส่ชุดสีดำนั่งคนละฝั่งกัน แถมต่อให้เล่นฉากตลกฉากบู๊หรือฉากไหนๆ ก็ไม่มีใครหัวเราะหรือออกอาการใดใด ซึ่งก็ทำให้เกิดความมึนงงกับพนักงานมากเลยทีเดียว และก็ถึงเวลาตี 4 ครับทุกคน ก็มีคนเดินมาบอกว่าให้เก็บข้าวของ และ กำชับกับพนักงานว่าเมื่อเก็บเข้าของเสร็จแล้วเนี่ยให้ออกไปโดยทันที และห้ามหันกลับมามองจุดที่ฉายหนังเด็ดขาด หลังจากที่สั่งกำชับกับพนักงานเสร็จแล้วเค้าก็ได้เดินกลับไปพร้อมกับคนจำนวนมากที่เมื่อสักครู่นั่งดูหนังกันแบบนิ่งนิ่งอยู่เลย โดยผู้คนทั้งหมดเดินทางกลับเข้าไปในป่าในเวลาไม่กี่วิ ทำเอาพนักงานฉายหนังเอะใจกันอีกรอบ เลยรีบเก็บของออกจากที่ฉายโดยเร็วที่สุด พอฟ้าเริ่มสว่างพนักฉายหนังก็เริ่มหิวแล้วก็อยากสูบบุหรี่มาก เพราะที่นั่นไม่มีร้านค้าเลย พนักงานฉายหนังเนี่ยจึงได้พากันขับรถไปยังหมู่บ้านใกล้ๆ พอขับมาถึงหมู่บ้านวังทองในตอนเช้า เลยแวะซื้อของที่ร้านค้าในหมู่บ้าน พอชาวบ้านเห็นรถฉายหนังก็เลยถามไปว่า ฉายหนังที่ไหนมา ก็ตอบว่ามาฉายหนังอยู่ในหมู่บ้านวังทองนี่แหละ แต่ชาวบ้านก็ทำหน้างงอยู่สักพักเพราะไม่หยักรู้ว่ามีหนังมาฉายในหมู่บ้าน ทำเอาคนฉายหนังเงียบไปสักพัก ก็เลยเล่าเรื่องราวให้กับชาวบ้านฟังในที่สุดก็ได้รู้ว่าสถานที่ที่พวกเขาไปฉายหนังเนี่ยเรียกว่า ป่าคำชะโนด ซึ่งเป็นป่าลี้ลับที่ชาวบ้านลือกันว่าเป็นเมืองของพญานาคแล้วก็มีภูตผีปีศาจสิงสถิตอยู่ ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆกลับหมู่บ้านวังทองนี่เอง พอพนักงานฉายหนังได้ฟังแล้วก็เลยเข้าใจว่าตัวเองถูกผีจ้างหนังให้เข้าไปฉาย เรื่องราวนี้ก็ถูกเล่าให้เจ้าของบริษัทฟัง แล้วพวกเขาเหล่านั้นก็พากันลาออกทั้งหมดเลย ซึ่งก็สร้างความแปลกใจให้กับเจ้าของบริษัทเป็นอย่างมาก พอเจ้าของบริษัทได้ฟังอย่างนั้นแล้วจึงได้ตัดสินใจไปยังหมู่บ้านวังทองเพื่อไปหาความจริงด้วยตัวเอง พอเดินทางไปถึงก็ได้พบกับความแปลกใจเพราะสิ่งที่เห็นเป็นป่าห่างจากถนนครึ่งกิโลดูแล้วไม่สามารถเข้าไปได้ก็เลยถามชาวบ้าน ว่าล่าสุดมีหนังกลางแปลงมาฉายไหมชาวบ้านก็ตอบพร้อมต้องการว่าไม่มีหนังฉายในหมู่บ้าน เจ้าของบริษัทก็คิดอยู่ในใจว่าพนักงานเนี่ยไม่ได้มาใช้หนังจริงหรือเปล่า ซึ่งหลังจากนั้นก็ทำให้เขาพยายามหาหลักฐานอยู่สักพักก็พบว่าพนักงานของเค้าได้เข้าไปฉายหนังจริงๆ เพราะว่ามีรอยรถฉายหนังที่แล่นผ่านเข้าไปในป่าคำชะโนดทำเอาเจ้าของตกใจมากทีเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชวนขนลุกทั้งหมด นั้นเลยเป็นเรื่องราวหรือตำนานมาถึงทุกวันนี้ครับ
พิกัด คำชะโนด : https://goo.gl/maps/1e7pG3GHLXkU455GA
เรียบเรียงโดย : หนุ่ม สีเหม่น
ท่องเที่ยวเพิ่มเติม : อ่านต่อ